วัดผาบ่อง ครูบานันทิยะ
ครูบานันทิยะ เป็นศิษย์น้องร่วมสำนักกับ ครูบาวัดไม้ฮุง ทั้ง2ครูบา เป็นศิษย์ของครูบาคำ
พึ่งรฤกถึงท่าน จักสำฤทธิไว
หุงจากตำราเดียวกับสำนักไม้ฮุง จะต่างกันตรงของวัดผาบ่อง จะมีส่วนผสมของพราย สีจะออกส้ม ตามตำราหากใส่พรายลงไป พรายจะกินสิ่งนั้นจนหมด
ย้อนไปเมื่อสมัยก่อนปี 2500 จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นดินเเดนลึกลับยากต่อการคมนาคม แต่ก็ไม่ได้เป็นที่ย่อท้อ ของบรรดาพ่อค้าวาณิช คหบดี นายทหาร ที่ดั้นด้นไปบูชา สีผึ้งพยองคำ ที่ราคาแสนแพงลิบลิ่ว สมัยนั้นออกให้บูชาตลับละ 100 บาท ถ้าเปรียบเทียบกับอัตราทองคำ ในสมัยนั้นเพียงบาทละ 200 เท่านั้น จากประสบการณ์ และชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ ในการสร้าง ซึ่งมีกรรมวิธีอันสลับซับซ้อน
การสร้างสีผึ้งพยองคำ
ต้องหุงถึง 3 วาระ
วาระที่1 หุงต่อหน้าพระประธานโบสถ์
วาระที่ 2 หุงตามทางสามแพร่ง ที่มีคนสัญจรผ่านไปผ่านมา อย่างคึกคัก หุงจนกว่าจะมีคนมาถาม ว่าท่านทำอะไรแล้วครูบาท่านจึงตอบกลับว่า ทำยาโอสถทิพย์แสนวิเศษ ที่จะบันดาลให้ผู้พกพา มีโชคลาภ มีเสน่ห์
วาระที่ 3 ต้องสืบเสาะหาหญิงตายท้องกลมที่ลูกคนแรกเป็นชาย ท่านจะ ไปพลี ขุดผีตายท้องกลมลุกขึ้นนั่ง เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ผัดหน้าทาแป้งแต่งหน้าให้ศพนั้น จากนั้นให้ลูกศิษย์ชาย พรหมจรรย์หน้าตาหล่อเหลาอายุไม่เกิน 20 ปี
โอบกอด ผีจากทางด้านหลัง นำขันสัมฤทธิ์ที่บรรจุสีผึ้ง ประคองมือศพนั้นคนสีผึ้งโดยครูบานั่งบริกรรมคาถาอยู่ข้างๆจนผีคนสีผึ้งเอง เมื่อผียกขันขึ้นจนใกล้ปาก แล้วจึงแย่งเอาออกจากมือผีแล้วสะกดกลับไปนอน เพราะเชื่อว่าหากให้ผีซดสีผึ้งเข้าปากจะทำให้เป็นผีดิบ มีฤทธิ์เป็นอมตะยากจะปราบ ได้
1. คือบันดาลโชคลาภ
2. เป็นมหาเสน่ห์ อย่างแรง
โดยผู้ครอบครองต้องตั้งสัจจะกับ สีผึ้งขอได้เพียง 1 เรื่อง เช่นถ้าขอเรื่องความรัก ก็จะโดดเด่นในเรื่องความรัก หรือถ้าขอในเรื่องของโชคลาภก็จะมีเงินทองไหลมาอย่างไม่ขาดสาย เพียงพกพาไว้ก็ให้ผลเด่นชัด